ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจันทบุรี ที่ทั้งนักท่องเที่ยวและชาวจันทบุรี นิยมมากราบไหว้ขอพรจากองค์พระเจ้าตากสินฯ ศาลแห่งนี้ บ่งบอกถึงความผูกพันของชาวเมืองนี้ที่มีต่อพระเจ้าตากสินมหาราช ครั้งที่รวบรวมไพร่พลเพื่อกอบกู้เอกราชจากพม่าจนเป็นเอกราชมาถึงทุกวันนี้ โดยมีคำกล่าวว่า ถ้าไม่ได้มาสักการะพระเจ้าตาก ก็ถือว่ายังมาไม่ถึงเมืองจันท์
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เดิมเป็นศาลไม้อยู่ข้างศาลเจ้าพ่อหลักเมือง จันทบุรี ต่อมาในปี พ.ศ.2463 สมัย ม.จ.สฤษดิเดชชยางกูร เป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลจันทบุรี ได้สร้างศาลขึ้นบริเวณด้านหน้าค่าย ทหารกองพันนาวิกโยธิน (ค่ายตากสิน) โดยอาศัยอาคารเป็นศาลาคอนกรีตสี่เหลี่ยมจัตุรมุข มีบันไดด้านหน้าและด้านข้างรวม 3 ด้าน โดยกรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบ ภายในเป็นที่ประดิษฐานเทวรูปซึ่งเป็นเทพเจ้าประจำพระองค์พระเจ้าตากสิน โดยในขณะนั้น ภายในศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ยังไม่มีพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ประดิษฐานเฉกเช่นปัจจุบัน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2534 ชาวจันทบุรีได้ร่วมกันบริจาคเงินสร้างศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ขึ้นใหม่อีกหลัง เป็นศาลทรงเก้าเหลี่ยมคู่ กับศาลเดิม ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นศาลหินอ่อนทรงเก้าเหลี่ยม หลังคาเป็นรูปพระมาลา (หมวก) เป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งหล่อด้วยทองเหลืองรมดำผนังภายในเขียนลายพุ่มข้าวบิณฑ์ไว้อย่างสวยงาม
ชาวจันทบุรีถือว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณทำให้จันทบุรีเป็นที่รู้จัก และเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การกอบกู้เอกราชคราวเสียกรุงครั้งที่ 2 ในฐานะเป็นฐานที่มั่นของสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ในระหว่างการรวบรวมพลรวมถึงเสบียงอาหาร และสถาปนาอำนาจขึ้นใหม่ กล่าวคือ ในปี พ.ศ. 2310 ขณะที่พม่าล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่ สมเด็จพระเจ้าตากสินหรือพระยาวชิรปราการ (สิน) ในขณะนั้น เล็งเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาต้องแตกพ่ายและตกเป็นของพม่าแน่นอน จึงรวบรวมพลทหารไทย จีน ได้ 500 คน ตีฝ่าวงล้อมพม่าทางทิศตะวันออก โดยต่อสู้กับข้าศึกในระหว่างทางและได้ชัยชนะ สามารถรวบรวมไพร่พลได้มากขึ้น
พระยาวชิรปราการเห็นว่าจันทบุรีมีชัยภูมิที่เหมาะสมในทางยุทธศาสตร์ เป็นหัวเมืองชายทะเลที่ปลอดจากสงคราม ทั้งมีความอุดมสมบูรณ์ด้านพืชพันธัญญาหาร รวมทั้งยังเป็นชุมชนชาวจีนแต้จิ๋ว พระยาวชิรปราการมีเชื้อสายจีนแต้จิ๋วและเคยเป็นพ่อค้ามาก่อน จึงมุ่งหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากชาวจีนเหล่านี้ ดังนั้นจึงใช้เมืองจันท์เห็นที่มั่น และรวบรวมหัวเทืองชายฝั่งทะเลตะวันออกได้ทั้งหมด สามารถต่อเรือรบได้ 100 ลำ มีผู้สวามิภักดิ์มากขึ้นถึง 5,000 คน แล้วกลับไปตีทัพพม่า ขับไล่ออกไปจากอยุธยาได้สำเร็จนับเป็นการกอบกู้เอกราชของชาติกลับคืนมาได้ อีกครั้ง
ข้อมูล
- คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ. (2544).
วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดจันทบุรี.
กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว - ระบบฐานข้อมูลท้องถิ่นจังหวัดจันทบุรี RBRU e-Culture
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จันทบุรี
ที่ตั้ง : ถนนท่าหลวง บริเวณหน้าค่ายตากสิน ถ.ท่าหลวง ต.วัดใหม่ อ.เมือง
เวลาเปิด-ปิด : 6.00 – 20.00 น.
พิกัดสถานที่ : 12.6164788, 102.1100611